วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554
บางคนอาจไม่รู้
FBI (Federal Bureau of Investigation) คือหน่วยสืบสวนกลางทำหน้าที่ในการสอบสวนในเรื่องที่อาจเกิดขอบเขตของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเรื่องอิทธิพล คดีสะเทือนขวัญ-อุกฉกรรจ์ คดีเกี่ยวกับผู้ก่อการร้าย หรือเกี่ยวกับผู้กระทำผิดนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเอฟบีไอมีอำนาจเทียบเท่ากับตำรวจทุกประการเมืองไทยเราเรียกว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ
U.S.A. ย่อมาจาก ประเทศ อเมริกา
United States of America
United States of America
CPU หน่วยประมวลผลกลาง หรือไมโครโพรเซสเซอร์ของไมโครคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่นำคำสั่งและข้อมูลที่เก็บไว้ ใน หน่วยความจำมาแปลความหมาย และกระทำตามคำสั่งพื้นฐานของไมโครโพรเซสเซอร์ ซึ่งแทนด้วยรหัสเลขฐานสอง การทำงานของคอมพิวเตอร์ ใช้หลักการเก็บคำสั่งไว้ที่หน่วยความจำ ซีพียูอ่านคำสั่งจากหน่วยความจำมาแปล ความหมาย และกระทำตามเรียงกันไปทีละคำสั่ง หน้าที่หลักของซีพียู คือควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ ตลอดจนทำการประมวลผล กลไกการทำงานของซีพียู มีความสลับซับซ้อน ผู้พัฒนาซีพียูได้สร้างกลไกให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยแบ่งการทำงาน เป็นส่วน ๆ มีการทำงานแบบขนาน และทำงานเหลื่อมกันเพื่อให้ ทำงานได้เร็วขึ้น
USB ( Universal Serial Bus ) ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อ ม.ค. 2539
สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สูงถึง 127 อุปกรณ์ ความเร็วสูงสุดที่ 480 Mbps เป็นอินเตอร์เฟสอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ที่มีการใช้อย่างกว้างขวาง ติดอยุ่กับอุปกรณ์ต่างๆ มีการส่งถ่ายขอ้มูลที่รวดเร็ว และสดวกมากในปัจุบัน อนาคตอาจจะมีการพัฒนาให้มี...ความสามารถให้ส่งถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่านี้ อีกหลายๆ เท่า
สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สูงถึง 127 อุปกรณ์ ความเร็วสูงสุดที่ 480 Mbps เป็นอินเตอร์เฟสอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ที่มีการใช้อย่างกว้างขวาง ติดอยุ่กับอุปกรณ์ต่างๆ มีการส่งถ่ายขอ้มูลที่รวดเร็ว และสดวกมากในปัจุบัน อนาคตอาจจะมีการพัฒนาให้มี...ความสามารถให้ส่งถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่านี้ อีกหลายๆ เท่า
ATM
ความหมายทั่วๆไป แบบเครื่องกดตัง คือ automatic teller machine แต่มันก็ยังย่อเป็นอย่างอื่นได้อีกมากมาย
ข้อคิดยามท้อแท้
ข้อคิดยามท้อแท้
1. โลกกลมๆ ใบนี้ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
2. ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก
3. อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง
4. คนเราต้องเดินหน้า..เวลายังเดินหน้าเลย
5. ไม่ต้องสนใจว่า แมวจะสีขาวหรือสีดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
6. ยิ่งมีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น
7. ในโลกกลมๆ ใบนี้ ไม่มีคำว่าแน่นอน
8. คนเราเมื่อม้าตาย ก็ต้องลงเดิน
9. ท้อแท้ได้แต่อย่า…ท้อถอย
10. อิจฉาได้แต่อย่าริษยา
11. พักได้แต่อย่าหยุด
12. หนทางอันยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ
13. จะเห็นค่าของความอบอุ่น เมื่อผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว
14. เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย
15. จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
16. เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน
17. หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
18. ไม่เป็นขุนนางได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้
หากท้อแท้ แค่ท้อแท้อย่าแพ้พ่าย
หากท้อแท้ จงอย่าหน่ายใจสลาย
หากท้อแท้ ลองพักผ่อนหย่อนใจกาย
หากท้อแท้ แค่ใจหาย ยังหายใจ
หากท้อแท้ ลองมองดูผู้คนอื่น
หากท้อแท้ หลับสักตื่นคืนสดใส
หากท้อแท้ แค่เพราะใจเหนื่อยเกินไป
หากท้อแท้ กำลังใจ สร้างให้ตน
..ใช่ท้อแท้เพราะแพ้พ่ายใครที่ไหน
แต่เพราะใจเราที่แพ้..ต่อหวั่นไหว
แค่เพราะเผลอปล่อยเข้มแข็งหลุดลอยไป
เรียกมาใหม่กำลังใจย้อนกลับคืน..
วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554
6 ข้อเสียของการกินหนัก
การกินมากไปก็ทำให้เป็นทุกขลาภแห่งลำไส้ ซึ่งอาการจัดหนักจากการกินมากเกินไปในแต่ละมื้อโดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์และท่านที่ชอบกินจนอิ่มมาถึงคอหอยก่อให้เกิดลาภลอยได้โรคดังต่อไปนี้ครับ
เริ่มตั้งแต่ 'หิวไว' คนกินหนักจะหิวไวในมื้อต่อไปครับ เพราะกระเพาะลำไส้ต้องทำงานหนักในการย่อยมื้อใหญ่ และน้ำตาลในเลือดก็จะลดไวทำให้เกิดอาการน้ำตาลต่ำหิวไวง่ายขึ้นกินมากๆ ยังทำ 'ไส้พัง' เครื่องในก็เหมือนเครื่องรถที่ไม่ได้งดเว้นงานบ้างก็จะเสื่อมเร็ว อาหารที่เข้าไปมากทำให้ลำไส้เกิดปัญหา “รั่ว” ได้ และจากการบีบตัวไม่ได้พักก็ทำให้ “กรดไหลย้อน” มาถามหาได้เหมือนกัน
อาหารล้นท้องพลอยจะเจอ 'ตาตั้ง' ถ้าไม่ระวังกินจนอิ่มจัดจะทำให้เกิดอาการ “ตื่นตา” นอนไม่หลับเพราะลำไส้ไม่ได้พักและเกิดการแน่นอึดอัดท้องจากแก็สในอาหารที่หมักกันจนพุงหลามได้เหมือนถังเบียร์
กินจุคงเลี่ยง 'นั่งอ้วน' ได้ยาก ซึ่งตรงมาและตรงไปในบริบทของผู้รักบริโภค ยิ่งกินมื้อหนักอย่างบุฟเฟ่ต์มากเท่าไรก็ยิ่งได้แคลอรีส่วนเกินที่ลดยากขึ้นเท่านั้น เพราะการกินหนักเป็นบางมื้อทำให้ร่างกายเครียดและตับพังมีการหลั่งฮอร์โมนมารออกมาเพื่อเก็บไขมันไว้ให้มากขึ้นเพิ่มพูนน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
ทั้งยัง 'ชวนหงุดหงิด' ชีวิตแห่งการกินจะไม่มีวันสงบสุขด้วยอารมณ์ที่ทุกข์ขึ้นลงจากลิ้นที่ยึดรสเป็นสรณะ จะว่าคนอ้วนอารมณ์ดีนั้นก็ถูก แต่คนกินเก่งนั้นยากที่จะหาพื้นอารมณ์ที่แน่นมั่นคงได้เพราะเคมีในกายต้องมีการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่อาหารเข้าปากและหนึ่งในเคมีที่ว่าคือ “เคมีแห่งอารมณ์” ครับ
และสุดท้าย 'คิดไม่ออก' คนกินอิ่มจัดไปทำให้ “หัวไม่แล่น” ครับ หนึ่งคือจากเลือดพากันไปเลี้ยงไส้เสียมากกับสองคือจาก “โกร๊ทฮอร์โมน” ไม่หลั่ง ทำให้ไม่มีพลังทั้งแรงกายและแรงใจที่ใช้คิด ถ้าอยากมีสมองที่แจ่มใสขึ้นขอให้กินแบบ “หิวนิดๆ” ครับเป็นการสงวนความคิดไว้ไม่ให้จมไปกับมื้อหนักหมด
การกินเยอะสิ่งแล้วยังฟีเจอริ่งด้วยของหวานอีกก็ถือเป็นอนันตริยกรรมแห่งการบริโภคเหมือนกัน
อย่าสำคัญตัวผิดว่าเป็นชูชกอยู่เพื่อกินหรือถือคติว่าท้องแตกดีกว่าของเหลือเพราะเมื่อถึงเวลาป่วยแล้วจะต้านไม่อยู่โรคจู่โจมแบบไม่ติดเบรค เพราะเครื่องยนต์กายเราไม่ได้ทำไว้ให้ “กินจนล้น” หากแต่สร้างไว้อย่างพอดีสำหรับให้กินอิ่มพอดีจนถึงว่า “หิวนิดๆ” ก็ยังอยู่ได้ด้วยมีระบบทดพลังงานไว้ให้ใช้ยามจำเป็น เห็นได้จากยามอดที่จะเกิดอาการง่วงซึมเพื่อจะได้ลดการใช้แรงลง แต่ในทางตรงข้ามยามอิ่มล้นเปี่ยมสุขร่างกายก็จะเกิดการง่วงเหมือนกันแต่เป็นการง่วงแบบกะปลกกะเปลี้ยที่เกิดจากอวัยวะภายในทำงานอย่างหนัก แล้วก็มัก “ได้เรื่อง” ตามมา
@@@
คราวหน้าจะกินหนัก คงต้องยั้งปากให้กินแค่พออิ่มกันแล้วล่ะ.
เริ่มตั้งแต่ 'หิวไว' คนกินหนักจะหิวไวในมื้อต่อไปครับ เพราะกระเพาะลำไส้ต้องทำงานหนักในการย่อยมื้อใหญ่ และน้ำตาลในเลือดก็จะลดไวทำให้เกิดอาการน้ำตาลต่ำหิวไวง่ายขึ้นกินมากๆ ยังทำ 'ไส้พัง' เครื่องในก็เหมือนเครื่องรถที่ไม่ได้งดเว้นงานบ้างก็จะเสื่อมเร็ว อาหารที่เข้าไปมากทำให้ลำไส้เกิดปัญหา “รั่ว” ได้ และจากการบีบตัวไม่ได้พักก็ทำให้ “กรดไหลย้อน” มาถามหาได้เหมือนกัน
อาหารล้นท้องพลอยจะเจอ 'ตาตั้ง' ถ้าไม่ระวังกินจนอิ่มจัดจะทำให้เกิดอาการ “ตื่นตา” นอนไม่หลับเพราะลำไส้ไม่ได้พักและเกิดการแน่นอึดอัดท้องจากแก็สในอาหารที่หมักกันจนพุงหลามได้เหมือนถังเบียร์
กินจุคงเลี่ยง 'นั่งอ้วน' ได้ยาก ซึ่งตรงมาและตรงไปในบริบทของผู้รักบริโภค ยิ่งกินมื้อหนักอย่างบุฟเฟ่ต์มากเท่าไรก็ยิ่งได้แคลอรีส่วนเกินที่ลดยากขึ้นเท่านั้น เพราะการกินหนักเป็นบางมื้อทำให้ร่างกายเครียดและตับพังมีการหลั่งฮอร์โมนมารออกมาเพื่อเก็บไขมันไว้ให้มากขึ้นเพิ่มพูนน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
ทั้งยัง 'ชวนหงุดหงิด' ชีวิตแห่งการกินจะไม่มีวันสงบสุขด้วยอารมณ์ที่ทุกข์ขึ้นลงจากลิ้นที่ยึดรสเป็นสรณะ จะว่าคนอ้วนอารมณ์ดีนั้นก็ถูก แต่คนกินเก่งนั้นยากที่จะหาพื้นอารมณ์ที่แน่นมั่นคงได้เพราะเคมีในกายต้องมีการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่อาหารเข้าปากและหนึ่งในเคมีที่ว่าคือ “เคมีแห่งอารมณ์” ครับ
และสุดท้าย 'คิดไม่ออก' คนกินอิ่มจัดไปทำให้ “หัวไม่แล่น” ครับ หนึ่งคือจากเลือดพากันไปเลี้ยงไส้เสียมากกับสองคือจาก “โกร๊ทฮอร์โมน” ไม่หลั่ง ทำให้ไม่มีพลังทั้งแรงกายและแรงใจที่ใช้คิด ถ้าอยากมีสมองที่แจ่มใสขึ้นขอให้กินแบบ “หิวนิดๆ” ครับเป็นการสงวนความคิดไว้ไม่ให้จมไปกับมื้อหนักหมด
การกินเยอะสิ่งแล้วยังฟีเจอริ่งด้วยของหวานอีกก็ถือเป็นอนันตริยกรรมแห่งการบริโภคเหมือนกัน
อย่าสำคัญตัวผิดว่าเป็นชูชกอยู่เพื่อกินหรือถือคติว่าท้องแตกดีกว่าของเหลือเพราะเมื่อถึงเวลาป่วยแล้วจะต้านไม่อยู่โรคจู่โจมแบบไม่ติดเบรค เพราะเครื่องยนต์กายเราไม่ได้ทำไว้ให้ “กินจนล้น” หากแต่สร้างไว้อย่างพอดีสำหรับให้กินอิ่มพอดีจนถึงว่า “หิวนิดๆ” ก็ยังอยู่ได้ด้วยมีระบบทดพลังงานไว้ให้ใช้ยามจำเป็น เห็นได้จากยามอดที่จะเกิดอาการง่วงซึมเพื่อจะได้ลดการใช้แรงลง แต่ในทางตรงข้ามยามอิ่มล้นเปี่ยมสุขร่างกายก็จะเกิดการง่วงเหมือนกันแต่เป็นการง่วงแบบกะปลกกะเปลี้ยที่เกิดจากอวัยวะภายในทำงานอย่างหนัก แล้วก็มัก “ได้เรื่อง” ตามมา
@@@
คราวหน้าจะกินหนัก คงต้องยั้งปากให้กินแค่พออิ่มกันแล้วล่ะ.
วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554
สุขภาพเสื่อมจากคอมพิวเตอร์…ผักผลไม้ช่วยได้
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนล้า กล้ามเนื้อเกร็ง ตึง
การรับประทานบร็อกโคลี่ ปลากินทั้งกระดูก เพราะมีแคลเซียมที่จำเป็นต่อการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทและต่อการเกร็งคลายกล้ามเนื้อ รับประทาน ผักโขม ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดทานตะวัน จมูกข้าวสาลี ที่มีแมกนีเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
ตาอ่อนล้า ตาพร่ามัว
ควรรับประทาน คะน้า พริก ผักปวยเล้ง มันเทศ ผักหวานบ้าน ตำลึง เพราะมีลูเทอินและซีเซนทิน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมของศูนย์จอตา ลดความเสี่ยงของการเกิดจอประสาทตาเสื่อมตาได้ นอกจากนี้ควรรับประทาน แครอต ผักปวยเล้ง ฟักทอง เพราะมี เบตาแคโรทีน มีส่วนช่วยป้องกันการเสื่อมของศูนย์จอตา
มีปัญหาผิวหน้า
หากมีปัญหาผิวหน้า เช่น มีริ้วรอยเหี่ยวย่น และสงสัยเหมือนสาวๆ ที่ประเทศจีนว่า อาจเกิดจากรังสีจากคอมพิวเตอร์ ควรรับประทาน ผักผลไม้สีสดทุกชนิด เพื่อเพิ่มสารต้านออกซิเดชั่น นอกจากนี้ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และรับประทานอาหารเย็นที่ย่อยง่ายและรสไม่จัด เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่หนัก ทำให้เริ่มวันใหม่อย่างสบายตัว
เมื่อกินถูกแล้ว ก็อย่าลืมออกกำลังกายช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงด้วยนะคะ
การรับประทานบร็อกโคลี่ ปลากินทั้งกระดูก เพราะมีแคลเซียมที่จำเป็นต่อการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทและต่อการเกร็งคลายกล้ามเนื้อ รับประทาน ผักโขม ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดทานตะวัน จมูกข้าวสาลี ที่มีแมกนีเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
ตาอ่อนล้า ตาพร่ามัว
ควรรับประทาน คะน้า พริก ผักปวยเล้ง มันเทศ ผักหวานบ้าน ตำลึง เพราะมีลูเทอินและซีเซนทิน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมของศูนย์จอตา ลดความเสี่ยงของการเกิดจอประสาทตาเสื่อมตาได้ นอกจากนี้ควรรับประทาน แครอต ผักปวยเล้ง ฟักทอง เพราะมี เบตาแคโรทีน มีส่วนช่วยป้องกันการเสื่อมของศูนย์จอตา
มีปัญหาผิวหน้า
หากมีปัญหาผิวหน้า เช่น มีริ้วรอยเหี่ยวย่น และสงสัยเหมือนสาวๆ ที่ประเทศจีนว่า อาจเกิดจากรังสีจากคอมพิวเตอร์ ควรรับประทาน ผักผลไม้สีสดทุกชนิด เพื่อเพิ่มสารต้านออกซิเดชั่น นอกจากนี้ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และรับประทานอาหารเย็นที่ย่อยง่ายและรสไม่จัด เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่หนัก ทำให้เริ่มวันใหม่อย่างสบายตัว
เมื่อกินถูกแล้ว ก็อย่าลืมออกกำลังกายช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงด้วยนะคะ
วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554
สิว บอกอะไรมากกว่าที่คิด
สถาบัน Leonard Darke ได้คิดค้นวิธีการวิเคราะห์ผิวลึกลงไปอีก ด้วยการผสานความรู้ในการดูแลผิวหน้าแบบตะวันตกเข้ากับศาสตร์การอ่านใบหน้าแบบจีน ซึ่งสามารถบอกได้ว่าสิวที่ขึ้นตามตำแหน่งต่างๆ ของใบหน้าหรือร่างกาย บอกความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนใดบ้าง ข้อมูลนี้ระบุตำแหน่งการขึ้นของสิว กับความสัมพันธ์กับอวัยวะต่างๆ ว่า
1.ขึ้นที่หน้าผากด้านซ้าย เกี่ยวกับอวัยวะการย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต สาเหตุคือ มีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด
2.ขึ้นที่หว่างคิ้ว เกี่ยวกับตับ สาเหตุคือ อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส กินอาหารรสจัด หรือกินอาหารดึกเกินไป
3.ขึ้นที่หน้าผากด้านขวา เกี่ยวกับอวัยวะการย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต สาเหตุคือ มีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด
4.ขึ้นที่ใบหูทั้ง 2 ข้าง อวัยวะที่เกี่ยวข้องคือ ไต สาเหตุคือ ล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมด ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป ดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ หรือกินเนื้อสัตว์มากเกินไป
5.ขึ้นที่แก้มทั้ง 2 ด้าน แก้มส่วนบนเกี่ยวกับไซนัสและปอด แก้มส่วนล่าง เกี่ยวกับเหงือกและฟัน สาเหตุคือ สูบบุหรี่จัด แพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง ใช้รองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้ม อาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอด หรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็นๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่าง อาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน รวมทั้งโทรศัพท์ไม่สะอาด
6.ขึ้นที่รอบดวงตา 2 ข้าง เกี่ยวกับอวัยวะไต และปัญหาภูมิแพ้ สาเหตุอาจมาจากเครื่องสำอาง แว่นตา การมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก พักผ่อนน้อย หรืออาการภูมิแพ้ และขาดสารอาหาร
7.ขึ้นที่จมูก และเหนือริมฝีปาก เกี่ยวกับอวัยวะหัวใจ และระบบสืบพันธุ์ สาเหตุถ้ามีผิวสีแดงเข้มที่จมูก อาจบ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูง ผลกระทบจากฮอร์โมน การมีประจำเดือน และวัยทอง
8.ขึ้นที่ใต้ริมฝีปากด้านซ้ายและขวา เกี่ยวกับอวัยวะรังไข่ สาเหตุคือ อาจทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ หรือมาจากความสมดุลทางฮอร์โมน หากมีปัญหาการอุดตันช่วงใบหู แสดงว่าฟันกรามมีปัญหา อาจจะเพิ่งทำฟันมา รวมทั้งการมีประจำเดือนด้วย
9.ขึ้นที่ปลายคาง เกี่ยวกับอวัยวะ กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก สาเหตุคือ กินอาหารรสจัดไป จนทำให้ลำไส้มีปัญหาในการดูดซึม และ
10.ขึ้นลำคอและหน้าอก มีสาเหตุมาจากความเครียด










FW
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)