วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

Wolfram Alpha เสิร์ชเอนจินใหม่ ที่จะทำให้การคำนวณเป็นเรื่องง่าย

คือระบบค้นหาความรู้ด้วยการคำนวณ (computational knowledge engine) จากผู้ผลิตโปรแกรม Mathematica ที่หวังจะเสนอแนวทางใหม่ๆ ในการค้นหา นอกไปจากการค้นจากกูเกิลที่เรานิยมกันอยู่ในปัจจุบัน โดยการค้นหาใน Wolfram Alpha นั้นจะเน้นไปทางข้อเท็จจริงทางวิชาการมากกว่า เช่น ระยะทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่, จำนวนประชากรของอุบลฯ เทียบกับภูเก็ต, ปริมาณโซเดียมในโค้ก หรือการคำนวณอินทิกรัลของฟังก์ชั่น (ถ้าหา "blognone" จะไม่เจอ ไปเจอเมือง Bagnone ในอิตาลีแทน)

Wolfram Alpha นั้นสนับสนุนโดยพลังจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ ้นด้วยฮาร์ดแวร์พิเศษจากเดลล์โดยบริษัท R System ซึ่งในระบบทั้งหมดที่วางไว้กว่า 5 ที่นั้นมีโปรเซสเซอร์จำนวนรวมกันถึงกว่า 10,000 คอร์เลยทีเดียว ระบบดังกล่าวนั้นใช้งาน Red Hat Enterprise และ Windows HPC Server เป็นระบบปฏิบัติการหลัก และแน่นอนว่าใช้การประมวลผลโดย Mathematica ด้วย

http://www.wolframalpha.com/

ความเป็นมาของโครงการ หนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน

  นายกรัฐมนตรีห่วงใยปัญหา การศึกษาของไทย ที่เด็กได้รับการศึกษาแล้วคิดและวิเคราะห์ไม่เป็น ไม่รักการอ่าน อ่านหนังสือหรืออ่านข่าวแล้วคิดวิเคราะห์ไม่เป็น จึงจำเป็นต้องฝึก
การอ่านตั้งแต่ปฐมวัยเพื่อปูพื้นฐานให้เด็กสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดเวลาคิดให้เท่าทันโลกอนาคตที่จะเกิดขึ้น การเรียน การสอนต้องทำให้เด็กเติบโตด้วยความเชื่อมั่น มีระบบที่ทำให้สามารถพัฒนาตัวเองตลอดเวลา และพัฒนาได้เต็มตามศักยภาพสูงสุด เพิ่มมูลค่าความเป็นมนุษย์ให้สูงขึ้น โดยมีการบูรณาการเกิดขึ้นทุกปี ที่จะทำให้เด็กรู้สึกสนุกกับการเรียนรู้ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ ที่ต้องปลูกฝังให้ "เป็น" เพื่อไว้ใช้ค้นหาความรู้ตลอดชีวิต ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง สามารถแสดงออกและนำเสนอในเชิงสร้างสรรค์ เจตนารมณ์ดังกล่าวจะบรรลุผลได้ เด็กต้องได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนที่มีคุณภาพมาตรฐานแต่โรงเรียนดังกล่าวมีไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอำเภอในชนบทห่างไกล ซึ่งคนยากจนต้องเรียนในเขตพื้นที่และเป็น
โรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝันเมื่อ
วันที่ 22 เมษายน 2546 และกระทรวงศึกษาธิการได้พัฒนาแนวคิดและดำเนินโครงการต่อไป โดยมีหลักการและความเชื่อว่า การศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงสถานภาพคนจากคนจนไปเป็นคนรวยได้ หากได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ มีพื้นฐานการเรียนรู้ที่ดีที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ตลอดชีวิต จะสามารถพัฒนาตนเองให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพเป็นแรงงานที่มีฝีมือ มีรายได้และคุณภาพชีวิตสูงขึ้น สามารถหลุดพ้นวงจรความยากจนได้ อันเป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลโดยพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนที่ประชาชนใฝ่ฝันอยากให้บุตรหลานได้เข้าเรียน ในโรงเรียนที่ดีที่มีคุณภาพ โครงการหนึ่งอำเภอ -
หนึ่งโรงเรียนในฝัน จะช่วยสานฝันให้เป็นจริงได้

think +‏ อนิจจัง...เรื่องจริงของชีวิต


เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสนการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมา
เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบที่ว่ามารไม่มีบารมีไม่เกิด
เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรมในวิกฤตย่อมมีโอกาส
เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บางคนอาจไม่รู้




FBI   (Federal Bureau of Investigation) คือหน่วยสืบสวนกลางทำหน้าที่ในการสอบสวนในเรื่องที่อาจเกิดขอบเขตของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเรื่องอิทธิพล คดีสะเทือนขวัญ-อุกฉกรรจ์ คดีเกี่ยวกับผู้ก่อการร้าย หรือเกี่ยวกับผู้กระทำผิดนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเอฟบีไอมีอำนาจเทียบเท่ากับตำรวจทุกประการเมืองไทยเราเรียกว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ
U.S.A. ย่อมาจาก ประเทศ อเมริกา   
          United States of America
 CPU   หน่วยประมวลผลกลาง   หรือไมโครโพรเซสเซอร์ของไมโครคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่นำคำสั่งและข้อมูลที่เก็บไว้   ใน หน่วยความจำมาแปลความหมาย และกระทำตามคำสั่งพื้นฐานของไมโครโพรเซสเซอร์ ซึ่งแทนด้วยรหัสเลขฐานสอง การทำงานของคอมพิวเตอร์ ใช้หลักการเก็บคำสั่งไว้ที่หน่วยความจำ ซีพียูอ่านคำสั่งจากหน่วยความจำมาแปล ความหมาย และกระทำตามเรียงกันไปทีละคำสั่ง หน้าที่หลักของซีพียู คือควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ ตลอดจนทำการประมวลผล  กลไกการทำงานของซีพียู มีความสลับซับซ้อน ผู้พัฒนาซีพียูได้สร้างกลไกให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยแบ่งการทำงาน เป็นส่วน ๆ มีการทำงานแบบขนาน และทำงานเหลื่อมกันเพื่อให้ ทำงานได้เร็วขึ้น
          
USB    ( Universal Serial Bus )  ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อ ม.ค. 2539 

สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สูงถึง 127 อุปกรณ์  ความเร็วสูงสุดที่ 480 Mbps เป็นอินเตอร์เฟสอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ที่มีการใช้อย่างกว้างขวาง ติดอยุ่กับอุปกรณ์ต่างๆ มีการส่งถ่ายขอ้มูลที่รวดเร็ว และสดวกมากในปัจุบัน อนาคตอาจจะมีการพัฒนาให้มี...ความสามารถให้ส่งถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่านี้ อีกหลายๆ เท่า
ATM
 ความหมายทั่วๆไป แบบเครื่องกดตัง คือ automatic teller machine แต่มันก็ยังย่อเป็นอย่างอื่นได้อีกมากมาย 

ข้อคิดยามท้อแท้



ข้อคิดยามท้อแท้
1. โลกกลมๆ ใบนี้ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
2. ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก
3. อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง
4. คนเราต้องเดินหน้า..เวลายังเดินหน้าเลย
5. ไม่ต้องสนใจว่า แมวจะสีขาวหรือสีดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
6. ยิ่งมีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น
7. ในโลกกลมๆ ใบนี้ ไม่มีคำว่าแน่นอน
8. คนเราเมื่อม้าตาย ก็ต้องลงเดิน
9. ท้อแท้ได้แต่อย่า…ท้อถอย
10. อิจฉาได้แต่อย่าริษยา
11. พักได้แต่อย่าหยุด
12. หนทางอันยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ
13. จะเห็นค่าของความอบอุ่น เมื่อผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว
14. เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย
15. จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
16. เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน
17. หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
18. ไม่เป็นขุนนางได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้

หากท้อแท้ แค่ท้อแท้อย่าแพ้พ่าย
หากท้อแท้ จงอย่าหน่ายใจสลาย
หากท้อแท้ ลองพักผ่อนหย่อนใจกาย
หากท้อแท้ แค่ใจหาย ยังหายใจ

หากท้อแท้ ลองมองดูผู้คนอื่น
หากท้อแท้ หลับสักตื่นคืนสดใส
หากท้อแท้ แค่เพราะใจเหนื่อยเกินไป
หากท้อแท้ กำลังใจ สร้างให้ตน

..ใช่ท้อแท้เพราะแพ้พ่ายใครที่ไหน
แต่เพราะใจเราที่แพ้..ต่อหวั่นไหว
แค่เพราะเผลอปล่อยเข้มแข็งหลุดลอยไป
เรียกมาใหม่กำลังใจย้อนกลับคืน..

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

6 ข้อเสียของการกินหนัก

การกินมากไปก็ทำให้เป็นทุกขลาภแห่งลำไส้ ซึ่งอาการจัดหนักจากการกินมากเกินไปในแต่ละมื้อโดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์และท่านที่ชอบกินจนอิ่มมาถึงคอหอยก่อให้เกิดลาภลอยได้โรคดังต่อไปนี้ครับ
เริ่มตั้งแต่ 'หิวไว'  คนกินหนักจะหิวไวในมื้อต่อไปครับ  เพราะกระเพาะลำไส้ต้องทำงานหนักในการย่อยมื้อใหญ่  และน้ำตาลในเลือดก็จะลดไวทำให้เกิดอาการน้ำตาลต่ำหิวไวง่ายขึ้นกินมากๆ ยังทำ 'ไส้พัง'  เครื่องในก็เหมือนเครื่องรถที่ไม่ได้งดเว้นงานบ้างก็จะเสื่อมเร็ว  อาหารที่เข้าไปมากทำให้ลำไส้เกิดปัญหา “รั่ว” ได้  และจากการบีบตัวไม่ได้พักก็ทำให้ “กรดไหลย้อน” มาถามหาได้เหมือนกัน
อาหารล้นท้องพลอยจะเจอ 'ตาตั้ง'  ถ้าไม่ระวังกินจนอิ่มจัดจะทำให้เกิดอาการ “ตื่นตา” นอนไม่หลับเพราะลำไส้ไม่ได้พักและเกิดการแน่นอึดอัดท้องจากแก็สในอาหารที่หมักกันจนพุงหลามได้เหมือนถังเบียร์
กินจุคงเลี่ยง 'นั่งอ้วน'  ได้ยาก ซึ่งตรงมาและตรงไปในบริบทของผู้รักบริโภค  ยิ่งกินมื้อหนักอย่างบุฟเฟ่ต์มากเท่าไรก็ยิ่งได้แคลอรีส่วนเกินที่ลดยากขึ้นเท่านั้น  เพราะการกินหนักเป็นบางมื้อทำให้ร่างกายเครียดและตับพังมีการหลั่งฮอร์โมนมารออกมาเพื่อเก็บไขมันไว้ให้มากขึ้นเพิ่มพูนน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
ทั้งยัง 'ชวนหงุดหงิด'  ชีวิตแห่งการกินจะไม่มีวันสงบสุขด้วยอารมณ์ที่ทุกข์ขึ้นลงจากลิ้นที่ยึดรสเป็นสรณะ  จะว่าคนอ้วนอารมณ์ดีนั้นก็ถูก  แต่คนกินเก่งนั้นยากที่จะหาพื้นอารมณ์ที่แน่นมั่นคงได้เพราะเคมีในกายต้องมีการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่อาหารเข้าปากและหนึ่งในเคมีที่ว่าคือ “เคมีแห่งอารมณ์” ครับ

และสุดท้าย 'คิดไม่ออก'  คนกินอิ่มจัดไปทำให้ “หัวไม่แล่น” ครับ  หนึ่งคือจากเลือดพากันไปเลี้ยงไส้เสียมากกับสองคือจาก “โกร๊ทฮอร์โมน” ไม่หลั่ง  ทำให้ไม่มีพลังทั้งแรงกายและแรงใจที่ใช้คิด  ถ้าอยากมีสมองที่แจ่มใสขึ้นขอให้กินแบบ “หิวนิดๆ” ครับเป็นการสงวนความคิดไว้ไม่ให้จมไปกับมื้อหนักหมด

การกินเยอะสิ่งแล้วยังฟีเจอริ่งด้วยของหวานอีกก็ถือเป็นอนันตริยกรรมแห่งการบริโภคเหมือนกัน 

อย่าสำคัญตัวผิดว่าเป็นชูชกอยู่เพื่อกินหรือถือคติว่าท้องแตกดีกว่าของเหลือเพราะเมื่อถึงเวลาป่วยแล้วจะต้านไม่อยู่โรคจู่โจมแบบไม่ติดเบรค เพราะเครื่องยนต์กายเราไม่ได้ทำไว้ให้ “กินจนล้น” หากแต่สร้างไว้อย่างพอดีสำหรับให้กินอิ่มพอดีจนถึงว่า “หิวนิดๆ” ก็ยังอยู่ได้ด้วยมีระบบทดพลังงานไว้ให้ใช้ยามจำเป็น  เห็นได้จากยามอดที่จะเกิดอาการง่วงซึมเพื่อจะได้ลดการใช้แรงลง  แต่ในทางตรงข้ามยามอิ่มล้นเปี่ยมสุขร่างกายก็จะเกิดการง่วงเหมือนกันแต่เป็นการง่วงแบบกะปลกกะเปลี้ยที่เกิดจากอวัยวะภายในทำงานอย่างหนัก แล้วก็มัก “ได้เรื่อง” ตามมา

@@@

คราวหน้าจะกินหนัก คงต้องยั้งปากให้กินแค่พออิ่มกันแล้วล่ะ.